ความสำคัญของเครื่องบดเมล็ดพืช พืชที่นิยมนำมาบดเป็นพืชที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น พืชตระกูลถั่ว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ และงา เป็นต้น การบดพืชน้ำมันเหล่านี้ผลที่ได้จะเป็นเนย เช่น เนยถั่ว เนยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เนยงา ซึ่งใช้บริโภค หรือบางครั้งผลการบดอาจเป็นครีม เช่นครีมงา ( ในกรณีที่บดงาที่ยังไม่ผ่านการคั่ว) ซึ่งใช้เป็นเครื่องประทินผิวได้ การแปรรูปพืชน้ำมันโดยการบดก็เพื่อสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบของขนมประเภทต่างๆ หรือนำไปรับประทานโดยตรงเช่น เนยถั่ว การบดพืชที่มีน้ำมันนี้ทำได้ยาก ต้องอาศัยเครื่องที่นำเข้าจากต่างประเทศมีราคาแพงมาก ซึ่งเครื่องที่นำเข้าเป็นชนิดที่ทำจากหินภูเขาไฟ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการบริโภคหากมีเศษหินเหล่านั้นเจือปนลงไป เครื่องบดเมล็ดพืชที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ราคาถูกกว่าเครื่องจากต่างประเทศ และทำจากสแตนเลสซึ่งแก้ปัญหาสิ่งเจือปนที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งใช้งานง่าย บำรุงรักษาง่าย
รู้จักกับเครื่องบดเมล็ดพืช เครื่องบดเมล็ดพืชประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ 7 ส่วนดังรูปที่ 1 ได้แก่ ฝาครอบ ล้อบด ใบกวาดที่ขอบล้อ ใบกวาดภายในอ่าง อ่างใส่ผลิตภัณฑ์ เกียร์ส่งกำลัง และมอเตอร์ต้นกำลัง ส่วนกลางของอ่างใส่ผลิตภัณฑ์จะทำเป็นผิวนูนเรียบ เพื่อให้เมล็ดพืชที่ต้องการบดไปรวมกันที่กลางอ่าง เมล็ดพืชที่ต้องการบดจะถูกบังคับให้อยู่บนทางที่ล้อบดทั้งสองวิ่งผ่าน ซึ่งเป็นแนบเส้นรอบวงของขอบอ่างใส่ผลิตภัณฑ์นั่นเอง ใบปาดที่ขอบล้อออกแบบให้มีช่องห่างระหว่างล้อบดกับใบปาดให้แคบมากลงเพื่อใช้ปาดครีมหรือเนยที่ได้ออกจากขอบล้อให้ได้มากที่สุด ป้องกันการติดของครีมหรือเนยที่ล้อบดได้ดีมาก ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการบดดีมาก และใบกวาดภายในอ่างจะเอียงไปตามผิวนูนที่อยู่กลางอ่าง เพื่อกวาดเมล็ด ครีมหรือเนยที่อาจติดที่กลางอ่างให้ไปรวมกันที่ช่องทางเดินของล้อบดได้เป็นอย่างดี รูปที่ 2-5 แสดงลักษณะของเครื่องบดในมุมมองต่างๆ
การทำงานของเครื่องบดเมล็ดพืช เครื่องบดเมล็ดพืชนี้ใช้มอเตอร์ขนาด 1 แรงม้า แบบ single phase ความเร็วรอบ 1,440 รอบต่อนาที ทำหน้าที่ส่งกำลังผ่านสายพานไปยังชุดเกียร์ ดังรูปที่ 1.6 ชุดเกียร์ทำหน้าที่เปลี่ยนทิศทางการหมุนจากระนาบแนวตั้งให้อยู่ในระนาบแนวนอน และลดความเร็วรอบ จนแกนที่ใช้ยึดล้อบดทั้งสองข้างหมุนด้วยความเร็วรอบประมาณ 120 รอบต่อนาที ขณะเครื่องทำงานล้อบดจะหมุนรอบตัวเองไปด้วย ทำให้เกิดแรงบดกดลงภายในอ่างอย่างต่อเนื่อง สามารถบดเมล็ดพืชได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ ในขณะทำการบดเมล็ดพืชฝาครอบจะถูกวางลงบนอ่างผลิตเพื่อกันไม่ให้เมล็ดพืช ครีมหรือน้ำมัน กระเด็นออกนอกเครื่อง ใบปาดที่ขอบล้อทั้งสองชุดทำหน้าที่ไม่ให้ครีมหรือเนยติดที่ขอบล้อ และยังลดกระเซ็นของครีมหรือเนยไปติดกับขอบด้านในของฝาครอบ (เหมือนกับรถที่ต้องมีบังโคลน) ทำให้เมล็ดพืช ครีมหรือเนยถูกปาดตกลงในอ่างใส่ผลิตภัณฑ์และไหลลงไปถูกล้อบด บดได้อย่างต่อเนื่อง ใบกวาดภายในอ่างจะทำหน้าที่พลิก และกวาดเมล็ดพืชภายในอ่างให้หล่นลงไปยังขอบอ่างซึ่งเป็นทางวิ่งของล้อบด ทำให้เมล็ดพืชภายในอ่างทุกเมล็ดถูกบดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
การบำรุงรักษาเครื่อง บดเมล็ดพืช การบำรุงรักษาเครื่องทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ให้ตรวจสอบความตึงของสายพาน ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง และหมั่นทำความสะอาดอ่างใส่ผลิตภัณฑ์ ล้อบด ใบกวาดที่ขอบล้อและใบกวาดภายในอ่าง ทุกครั้ง เมื่อเสร็จสิ้นการใช้งานในแต่ละวัน
ข้อควรระวัง การบดเมล็ดพืชที่รสชาติแตกต่างกันมาก อาจทำให้รสชาติของเมล็ดพืชที่บดทีหลังเสียไป เช่น บดพริกเสร็จ แล้วบดงาต่อ เนยงาที่ได้อาจรับประทานไม่ได้ หากการทำความสะอาดไม่ดีพอ หากบดเมล็ดพืชที่มีรสจัดๆ ควรทำความสะอาดให้ดี ข้อแนะนำควรทำสะอาดให้ดี แล้วควรใส่น้ำสะอาดลงในอ่างบดแล้ว แช่ทิ้งไว้ 1 วัน ทำสะอาดให้ดีอีกครั้งก่อนบดเมล็ดพืชชนิดอื่นต่อ
เอกสารอ้างอิง
ลำดับ |
ชนิดพืช |
ปริมาณที่ใส่ / ครั้ง |
ระยะเวลาในการบด / ครั้ง |
ค่าไฟฟ้าที่ใช้ * บาท / กิโลกรัม |
1 |
เมล็ดงา |
5 กก. |
35 นาที |
0.295 |
2 |
เมล็ดถั่วลิสง |
5 กก. |
15 นาที |
0.12 |
3 |
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ |
5 กก. |
10 นาที |
0.0726 |
ตารางที่ 1.1 แนะนำระยะเวลาและปริมาณการบดของเมล็ดพืชบางชนิด
หมายเหตุ : ค่าไฟฟ้าที่ใช้ * คิดที่ 3 บาทต่อกิโลวัตต์ - ชั่วโมง